Saturday, March 26, 2011

บทกวีจะเยียวยาบาดแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวของเหตุผล



Painting is silent poetry, and poetry is painting that speaks.
จิตรกรรมคือบทกวีที่สงัดเงียบ และบทกวีคือจิตรกรรมที่เอื้อนเอ่ย
Plutarch

Poetry heals the wounds inflicted by reason.
บทกวีจะเยียวยาบาดแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวของเหตุผล

Novalis

A poet can survive everything but a misprint
กวีจะทนได้ทุกเรื่องยกเว้นการพิมพ์ผิด

Oscar Wilde

Poetry is all that is worth remembering in life.
บทกวีคือทุกสิ่งอย่างที่ควรค่าแก่การจดจำในชีวิต

William Hazlitt

I was reading the dictionary. I thought it was a poem about everything.
ผมเพิ่งได้อ่านพจนานุกรม ผมคิดว่ามันคือบทกวีแห่งสรรพสิ่ง

Steven Wright

Poetry is thoughts that breathe, and words that burn.
บทกวีคือความคิดที่มีลมปราณ และถ้อยคำที่ลุกโชน
Thomas Gray

Poetry is the art of uniting pleasure with truth.
บทกวีคือศิลปะแห่งการหลอมรวมความอภิรมย์กับสัจธรรม

Samuel Johnson

Every day we should hear at least one little song, read one good poem, see one exquisite picture, and, if possible, speak a few sensible words.
ในแต่ละวันเราควรจะได้รับฟังบทเพลงธรรมดาๆ สักหนึ่งบทเพลง อ่านบทกวีดีๆ สักหนึ่งบท ดูรูปที่งามวิจิตรสักหนึ่งรูป และถ้าเป็นไปได้ เอ่ยถ้อยคำที่มีความหมายสัก 2-3 คำ

Johann Wolfgang Von Goethe

Every old poem is sacred.
บทกวีลายครามทุกบทคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
Horace

© 2011 BungaHimalaya บุหงาหิมาลัย All Rights Reserved.


ความรัก พระราชนิพนธ์ ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 

Monday, March 21, 2011

ผมจะอุทิศร่างกายและวิญญาณของผมเพื่อเกื้อกูลต่อประชาชนและประเทศชาติ


In my country we go to prison first and then become President.
ที่ประเทศของผม เราติดคุกก่อน แล้วถึงจะเป็นประธานาธิบดี
Nelson Mandela

The World is my country, all mankind are my brethren, and to do good is my religion.
โลกนี้คือประเทศของผม มนุษยชาติทั้งมวลคือพี่น้องของผม และการทำความดีคือศาสนาของผม
Thomas Paine

Patriotism is your conviction that this country is superior to all others because you were born in it.
ความรักชาติคือการที่คุณมีความเชื่อมั่นว่า ประเทศนี้อยู่เหนือยิ่งแผ่นดินอื่นใด เพราะว่าที่นี่เป็นแผ่นดินเกิดของคุณ
George Bernard Shaw

I will devote my body and soul to the service of the people and the nation.
ผมจะอุทิศร่างกายและวิญญาณของผมเพื่อเกื้อกูลต่อประชาชนและประเทศชาติ
Norodom Sihamoni

A land without ruins is a land without memories - a land without memories is a land without history.
แผ่นดินที่ไร้ซากปรักหักพังคือแผ่นดินที่ไร้ความทรงจำ – แผ่นดินที่ไร้ความทรงจำ ก็คือแผ่นดินที่ไร้ประวัติศาสตร์
Abram Joseph Ryan

I only regret that I have but one life to lose for my country.
ผมเพียงแต่เสียใจว่าผมมีเพียงชีวิตเดียวที่จะมอบให้ประเทศของผม
Nathan Hale

As a woman I have no country. As a woman my country is the whole world.
ในฐานะลูกผู้หญิงฉันไม่มีประเทศ ในฐานะลูกผู้หญิงประเทศของฉันคือโลกทั้งโลก
Virginia Woolf

The strength and power of a country depends absolutely on the quantity of good men and women in it.
ความแข็งแกร่งและพลังของประเทศชาติขึ้นอยู่กับปริมาณของผู้หญิงและผู้ชายที่เป็นคนดีในประเทศนั้นอย่างแน่แท้
John Ruskin

I have nothing to offer but blood, toil, tears and sweat.
ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะมอบให้นอกจาก เลือดเนื้อ น้ำตา หยาดเหงื่อและแรงกาย
Winston Churchill


© 2010 BungaHimalaya บุหงาหิมาลัย All Rights Reserved.

Thursday, March 17, 2011

การเดินลงเขานั้นง่ายกว่าการเดินขึ้นเขา




People are not disturbed by things, but by the view they take of them. 
ผู้คนไม่ได้ถูกเบียดเบียนโดยสรรพสิ่ง ทว่าโดยมุมมองที่พวกเขามีต่อสรรพสิ่งต่างหาก
Epictetus

  
Whatever you can do, or dream you can do, begin it. Boldness has genius, power and magic in it.
สิ่งใดที่เธอทำได้ หรือฝันว่าเธอทำได้ ขอให้เริ่มทำเลย ความกล้าจะ             โอบอุ้มอัจฉริยภาพ ความมีพลัง และสิ่งมหัศจรรย์ไว้ภายใน  
Goethe
Never become so much of an expert that you stop gaining expertise. View life as a continuous learning experience.
อย่าทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญให้มากเสียจนเธอหยุดหาความรู้ความชำนาญ จงพิจารณาชีวิตเสมือนประสบการณ์แห่งการเรียนรู้อันต่อเนื่อง

People's personalities, like buildings, have various facades, some pleasant to view, some not.

บุคลิกลักษณะของผู้คนก็เหมือนสิ่งปลูกสร้าง คือมีหลายด้าน บ้างก็ชวนมอง บ้างก็ไม่น่ามอง 
Francois de La Rochefoucauld

It's easier to go down a hill than up it but the view is much better at the top.

การเดินลงเขานั้นง่ายกว่าการเดินขึ้นเขา แต่วิวบนยอดเขานั้นสวยกว่า 
Henry Ward Beecher

You can learn a lot from people who view the world differently than you do. 
เธอจะเรียนรู้อะไรมากมายจากคนที่มองโลกแตกต่างไปจากเธอ

Under the influence of fear, which always leads men to take a pessimistic view of things, they magnified their enemies' resources, and minimized their own.

ภายใต้อิทธิพลของความหวาดกลัว ซึ่งมักจะชักจูงให้มนุษย์มองสรรพสิ่งด้วยมุมมองที่ไม่สร้างสรรค์ คือพวกเขาจะเห็นว่าพลังของศัตรูนั้นมีมากกว่าที่เป็นจริง และเห็นว่าพลังของตนมีน้อยกว่าที่เป็นจริง
Titus Livius 


© 2011 BungaHimalaya บุหงาหิมาลัย All Rights Reserved.

Wednesday, March 16, 2011

เจ็ดขุมทรัพย์ลับสุดยอด



คำนำผู้แปล
ด้วยภารกิจหน้าที่ในวิชาชีพที่ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปีของผู้แปลคืองานสอนหนังสือในสาขาที่เกี่ยวข้องกับภาษาและการออกเสียงในภาษา ส่งผลให้ผู้แปลเป็นผู้ที่หลงใหลในความงามที่เป็นเอกลักษณ์ด้านต่างๆ ของภาษา ไม่ว่าจะเป็นความงดงามของตัวอักษรในตัวของมันเอง ผ่านรูปแบบของการสร้างงานทัศนศิลป์จากตัวอักษร (Calligraphy) เช่นอักษรจีน อักษรอาหรับ อักษรเทวนาครี อักษรทิเบต เป็นต้น รวมไปถึงความงดงามทางจิตวิญญาณที่ถ่ายทอดผ่านตัวอักษรในงานเขียนต่างๆ และเชื่อว่าการส่งผ่านสาระและความงามของถ้อยคำจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งผ่านกระบวนการงานแปลก็เปรียบเสมือนการสร้างงานศิลปะผ่านตัวอักษรด้วยเช่นกัน การได้สร้างงานแปลให้สำเร็จลุล่วงลงแต่ละชิ้นจึงไม่แตกต่างอะไรกับการสร้างงานศิลปะเช่นเดียวกับที่ศิลปินแขนงต่างๆได้ทุ่มเทใจสร้างสรรค์ผลงานให้ผู้คนได้ชื่นชม

ผู้แปลมีความภูมิใจและรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากสำนักพิมพ์ต้นไม้ให้มีโอกาสได้สร้างงานศิลปะผ่านตัวอักษรชิ้นสำคัญ นั่นคือการแปลสุดยอดหนังสือคู่คิดในการใช้ชีวิตที่แสนมหัศจรรย์ “รวยด้วยใจ เจ็ดขุมทรัพย์ลับสุดยอด” หรือ The Richest Within : Your Seven Secret Treasures จากผลงานเปี่ยมรักที่กลั่นจากบทเรียนล้ำค่าในชีวิตของ Dr. John F. Demartini ผู้เป็นต้นแบบของคนที่ไม่ยอมจำนนต่อฉลากแห่งความตกต่ำที่คนอื่นนำมาแปะให้ โดยได้รับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่และทรงพลังจากชายสูงอายุ Dr. Paul Bragg ปูชนียาจารย์คนแรกซึ่งจุดประกายเปี่ยมพลังในการก้าวไปสู่เป้าหมายชีวิตที่ยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัดให้กับ Dr. John Demartini ซึ่งในปัจจุบันเป็นผู้ที่สร้างผลงานอันโดดเด่นหลายด้าน และได้รับการจัดลำดับให้เป็นหนึ่งในนักพูดเพื่อการสร้างแรงบันดาลใจแถวหน้าของโลก และเป็นผู้เขียนหนังสือที่ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจนติดอันดับ เบสท์เซลเลอร์หลายเล่ม

เป็นไปได้ยังไง ที่ชีวิตของคนๆหนึ่งซึ่งในวันที่มีอายุ 17 ปี ใช้ชีวิตเป็นนักโต้คลื่นพเนจร ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และในวัยเด็กของเขา ครูประจำชั้นก็ได้แปะฉลากของ “เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้ การอ่าน การเขียน การสื่อสาร และ...คงไปไม่ถึงไหนหรอก” ให้กับเขา และเคยแม้กระทั่งซัดเซไปตามภัตตาคารต่างๆเพื่อมองหาอาหารที่หลงเหลืออยู่บนโต๊ะเพื่อยังชีพ จะกลายมาเป็นนักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจของโลก เป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กร และเคยเป็นผู้ให้การอบรมเพื่อการพัฒนาบุคลากรของบริษัทต่างๆที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่งเช่น IBM เป็นต้น

ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ถ้าได้ติดตามอ่านเรื่องราวของการค้นพบ “รวยด้วยใจ เจ็ดขุมทรัพย์ลับสุดยอด” ซึ่ง Dr. John Demartini ได้ตกผลึกจากเส้นทางสู่ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง และความสุขจากชีวิตของตนเอง คุณก็จะพบว่า “เมื่อดวงจิตของคุณแจ่มแจ้งและหัวใจของคุณเปิดกว้าง สิ่งมหัศจรรย์ก็จะบังเกิด” เพราะในหนังสือ “เจ็ดขุมทรัพย์ลับสุดยอด” เล่มนี้ Dr. John Demartini ได้มอบของขวัญสุดวิเศษของเขาแก่ผู้อ่านทุกคนด้วยความรัก ความเชื่อมั่น และความปรารถนาดีจากใจจริง เพื่อจะช่วยให้เราตระหนักถึงปรีชาญาณอันล้ำเลิศที่เราแต่ละคนมีอยู่ในตัว

ขอเพียงแต่เราเข้าใจและหยั่งรู้ด้วยปัญญาญาณว่า เราทุกคนต่างก็มีสุดยอดแห่งขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งถูกเก็บซ่อนอยู่ ณ ก้นบึ้งแห่งตัวตนของพวกเรา ถ้าเราค้นให้พบและกำกับดูแลขุมทรัพย์นั้นอย่างเหมาะสมก็จะก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ และเมื่อขุดค้นต่อไปให้ถึงค่านิยมสูงสุดที่เราแต่ละคนให้คุณค่า พร้อมทั้ง “ทำในสิ่งที่คุณรักและรักในสิ่งที่คุณทำ” ความสุข ความสำเร็จ และความมั่งคั่งก็จะเป็นของคุณ โดยไม่มีข้อยกเว้น

เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลง คุณก็จะพบว่า Dr. John Demartini ได้สื่อสารเรื่องราวที่จะช่วยพาคุณก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าอย่างอ่อนโยนและจริงใจ เพื่อเกื้อหนุนให้คุณสามารถเข้าถึงแนวคิดและหลักการสำคัญต่างๆที่จุดพลังแรงบันดาลใจ ให้เราทุกคนก้าวย่างอย่างมั่นใจสู่การค้นพบ ขุมทรัพย์ทางใจ ทางกายภาพ ทางจิตวิญญาณ ทางสังคม และขุมทรัพย์ด้านการเงิน ด้านการงานอาชีพ และด้านครอบครัวของเรา และเมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ซ้ำและปฏิบัติตาม Demartini Method ซึ่งเป็นกระบวนการภาคปฏิบัติที่ Dr. John Demartini ออกแบบขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนลายแทงและเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้ค้นพบ “เจ็ดขุมทรัพย์ลับสุดยอด” อันเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีอยู่แล้วในตัวคุณทุกคน คุณก็จะได้รับสิ่งดีๆในชีวิตซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของเราทุกคนได้โดยไม่ยากอย่างแน่นอน

ด้วยความรักและปรารถนาดี
รศ.ดร.อมร แสงมณี
วันนี้ได้ยกคำนำในหนังสือ"เจ็ดขุมทรัพย์ลับสุดยอด" ซึ่ง blogger ของ blog นี้เป็นผู้แปลมาแบ่งปันกันค่ะ 

The Great Work
How to be Happy....forever

Just Believe

Sunday, March 13, 2011

ไม่ว่ามนุษย์เราสร้างอะไรขึ้นมาก็ตาม ในที่สุดสิ่งนั้นก็กลับมาสร้างเรา


เมื่อโลกเล่นตลก

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

เมื่อเรายึดมั่นอะไรก็ตาม ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอาสุขหรือทุกข์ของเราไปขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น ถ้ามันเป็นไปตามใจเรา เราก็สุข แต่ถ้ามันไม่เป็นไปตามใจเรา เราก็ต้องทุกข์
ไม่ว่ามนุษย์เราสร้างอะไรขึ้นมาก็ตาม ในที่สุดสิ่งนั้นก็กลับมาสร้างเรา หรือมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม และวิถีชีวิตของเรา

เราสร้างเทคโนโลยีขึ้นมา และแล้วทุกวันนี้เทคโนโลยีก็มากำหนดชีวิตของเรา ตั้งแต่การกินอยู่ การใช้เวลาว่าง และการวางเป้าหมายของชีวิต (เช่น ตั้งเป้าว่าจะมีรถของตัวเองก่อนอายุ 30 ปี) แม้แต่การแสดงความรักหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

ในทำนองเดียวกัน มนุษย์เรากำหนดมูลค่าของทองขึ้นมา แล้วในที่สุดทองก็กลายเป็นสิ่งวัดมูลค่าของตัวเราและคนอื่น (ไปงานราตรีสโมสรแล้วไม่มีทองหรือเพชรใส่สักเส้น จะรู้สึกอย่างไร)

ภาษาเป็นประดิษฐกรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์ แต่ในเวลาเดียวกันเราก็เป็นประดิษฐกรรมของภาษา โลกทัศน์และความรู้สึกนึกคิดของเราถูกกำหนดโดยภาษามาก เพียงแค่คำว่า ‘ไอ้’ หรือ ‘ท่าน’ ย่อมให้ความรู้สึกแก่เราต่างกัน หากเราเป็นฝ่ายถูกเรียกด้วยสองคำนั้น แต่อิทธิพลของภาษามีมากกว่านั้น มันยังกำหนดวิธีคิดหรือทัศนะของเราต่อชีวิตและโลกอย่างลึกซึ้งและไม่รู้ตัว คงมีคำไม่กี่คำที่มีอิทธิพลต่อเราอย่างลึกซึ้ง เท่ากับคำว่า ‘ของ’ เรามักเรียกสิ่งต่าง ๆ ที่เรามี ว่าเป็น ‘ของเรา’

คำๆนี้ ชวนให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของเราจริงๆ คือ อยู่ในอำนาจของเรา สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามใจเราได้ และสามารถจะอยู่กับเราไปชั่วฟ้าดินสลาย แต่ความจริงก็คือ ไม่ใช่ทั้งเพ แต่นั่นก็ไม่ร้ายเท่ากับข้อที่ว่า ‘อะไรก็ตามที่เราคิดว่าเป็นของเรา แท้จริงแล้ว เราต่างหากที่เป็น ของมัน’

เมื่อเราซื้อรถคันใหม่มา และคิดว่ามันเป็นของเรา เราก็ตกอยู่ในอำนาจของมันทันที คือ ต้องคอยเป็นห่วงมัน เฝ้าประคบประหงมมัน ถ้าจอดไว้ข้างถนนที่เปลี่ยว ก็อยู่ไม่เป็นสุข เพราะเฝ้ากังวลถึงมัน เจอรอยขีดข่วนเมื่อไร ก็หงุดหงิดอารมณ์เสียไปทั้งวัน ถ้ารู้ว่าเป็นฝีมือของลูกเมีย เป็นต้องระเบิดอารมณ์ใส่ ยิ่งถ้ารถเกิดหายไป ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว อะไรก็ตามที่เราคิดว่าเป็นของเรา ในความเป็นจริงมันต่างหากที่เป็นนายเรา

ทันทีที่คิดว่าเงินเป็นของเรา เราก็กลายเป็นข้ารับใช้มันไปโดยไม่รู้ตัว เราต้องคอยปกปักรักษามันเอาไว้ บางทีถึงกับเอาชีวิตเข้าแลก เพราะกลัวโจรเอาไป หาไม่ก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้มันมีปริมาณเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างไปจากทาสที่สละหยาดเหงื่อแรงงาน เพื่อเติมคลังสมบัติของเจ้านายให้เต็ม แม้จะมีมากมายมหาศาล ก็หยุดหาเงินไม่ได้ ทั้งๆที่กิน 10 ชาติก็ไม่หมด กลายเป็นว่าแทนที่จะได้ใช้มัน มันกลับใช้เรา เศรษฐีบางคนร่ำรวยสุดจะพรรณนา แต่อยู่อย่างอัตคัดราวยาจก เพียงเพราะเสียดายเงิน
แม้แต่บุคคลที่เราคิดว่าเป็นของเรา ถ้าเผลอเมื่อไร เราก็กลายเป็นของเขาไปทันที เพราะชะตาชีวิตของเรากลับไปขึ้นอยู่กับเขา

เราจะสุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับว่าเขาคิดหรือพูดกับเราอย่างไร ถ้าเขาไม่พูดด้วยหรือทำท่ามึนตึง ก็แทบจะอยู่ไม่ได้เอาเลย ที่ฆ่าตัวตายก็มีไม่น้อย ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากการยึดมั่นว่า …..เขาเป็นของฉัน …..ไม่ว่าคนรักของฉัน …..พ่อแม่ของฉัน …..หรือลูกของฉันก็ตาม แม่บางคนต่อว่าลูกที่เอาแต่เล่นเกมคอมพิวเตอร์ จนไม่เป็นอันกินอันนอนหรือเล่าเรียน ส่วนลูกก็รำคาญแม่ จนไม่พูดด้วย ยังคงขลุกอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเดียว แม่ไม่พอใจมาก จึงยื่นคำขาดกับลูกว่า ถ้าลูกไม่คุยกับแม่ แม่จะฆ่าตัวตาย ลูกได้ยินก็ยังเฉย แม่ทั้งผิดหวังและน้อยใจอย่างรุนแรง จึงโดดลงจากตึกทันที

ยิ่งยึดมั่นว่าเป็นลูกของเรามากเท่าไร ก็ยิ่งคาดหวังให้เขาอยู่ในอำนาจของเรามากเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่า ยิ่งคาดหวังเช่นนั้นมากเท่าไร เราก็ยิ่งกลับอยู่ในอำนาจของลูกมากเท่านั้น ดังนั้น ชีวิตจึงเป็นทุกข์ เพราะท่าทีหรือพฤติกรรมบางอย่างของเขา

ใช่หรือไม่ว่า เมื่อยึดใครว่าเป็นคนรักของเรา …..เราก็กลับตกอยู่ในอำนาจของเขา จนอาจเผลอทำร้ายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว มองดูให้ดี ไม่มีอะไรเลยที่เมื่อยึดมั่นว่าเป็นของเราแล้ว เราไม่กลับเป็นของมัน แม้กระทั่งความคิด ความคิดใดก็ตามเมื่อเกิดขึ้นมาในใจแล้ว เรามักคิดว่ามันเป็นของเรา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ยอมอยู่ในอำนาจของเราเลย มีหลายเรื่องที่เราไม่อยากคิด แต่มันกลับผุดขึ้นมาเอง

ไม่เชื่อ ก็ลองนั่งสมาธิทำใจสงบดู หรือเวลาเกลียดใครสักคน แล้วไม่อยากคิดถึงหมอนั่น ไม่ช้าไม่นานเราจะเผลอคิดถึงเขา แล้วก็จะคิดไม่หยุด บางทีกินก็คิด นอนก็คิด ทั้งๆที่ไม่อยากคิดเลย ความคิดนั้นเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว มันดูเหมือนจะมีชีวิตของมันเอง เช่น ต้องการดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมตาย ดังนั้น มันจึงพยายามกระตุ้นให้เราคิดถึงมันอยู่บ่อยๆ เพราะถ้าไม่คิดถึงมัน มันก็จะตายไปในที่สุด เหมือนไฟที่ไม่มีเชื้อ ยิ่งคิดก็เท่ากับเติมชีวิตให้มัน เสมือนเติมเชื้อเพลิงให้กองไฟ สังเกตได้เวลาอยู่ในที่เงียบๆ หรือหลีกเร้น ความคิดต่างๆจะพรั่งพรูออกมา เพื่อหลอกล่อหรือยั่วยุให้เราคิดถึงมันเรื่อยๆ ใช่แต่เท่านั้น มันยังต้องการให้เราปกปักรักษามัน หรือเผยแพร่มันไปเรื่อยๆ

ใครก็ตามที่พยายามหักล้าง หรือขัดขวางความคิด (ที่หลงคิดว่าเป็น)ของเรา เราจึงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องไปเถียงหรือทะเลาะกับเขา จนอาจถึงขั้นทำร้ายกัน บางทีถึงกับทำสงครามกัน เพื่อปกป้องความคิด ซึ่งอาจมาในรูปของศาสนาหรืออุดมการณ์ทางการเมืองการที่เรายอมให้ความคิดผลักดันเราไปตายหรือไปฆ่าคนอื่น แสดงว่ามันอยู่ในอำนาจของเรา หรือเราอยู่ในอำนาจของมันกันแน่

ที่น่าแปลกก็คือ พอไปยึดมั่นว่าเป็นความคิดของเราแล้ว มันสามารถผลักดันให้เราทำอะไรได้ร้อยแปด ทั้งๆที่เป็นผลเสียกับเราเอง (แม้ไม่ถึงขั้นพาไปตายก็ตาม) ชายคนหนึ่งรักและหวงแหนสนามหญ้ามาก พยายามดูแลรักษามันทั้งเช้า-เย็น ทั้งฉีดยาและใส่ปุ๋ยอย่างดี ใครมาเดินเหยียบก็ไม่ยอม เป็นต้องทะเลาะกัน (ตกลงสนามหญ้าเป็นของเขา หรือเขาเป็นของสนามหญ้ากันแน่)

แล้ววันหนึ่ง เขาก็พบว่า มี ตัวตุ่น มาขุดรูทำรังอยู่ใต้สนามหญ้า นับวันรูตุ่นก็ขยายเป็นเครือข่ายกว้างขวาง ทำให้สนามหญ้ามีรอยนูนไปทั่ว เขาเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ พยายามกำจัดมันหลายวิธีแต่ก็ไร้ผล นับวันเขาก็ยิ่งคั่งแค้นเจ้าตัวตุ่นทั้งวันทั้งคืน คิดแต่จะหาทางเอาชนะเจ้าตุ่นนรกนี้ให้ได้ แล้วในที่สุดเขาก็พบวิธีเผด็จศึก
วันรุ่งขึ้นเขาเอาน้ำมันฉีดอัดเข้าไปในรูตุ่น จนกระทั่งแน่ใจว่าน้ำมันท่วมรูตุ่นทุกชั้นและทั้งเครือข่าย แล้วเขาก็โยนไม้ขีดไฟใส่เข้าไปในรู ไม่นานไฟก็ไหม้ลามตามรูตุ่นจนทั่วหมด ไม่มีตุ่นตัวไหนมีชีวิตรอด
แต่ผลที่เกิดขึ้นตามมา ก็คือ สนามหญ้าแสนรักแสนหวงของเขาก็พังพินาศด้วย

เมื่อคิดจะเอาชนะใครสักคน (หรือสักตัว) ความคิดนั้นก็สามารถผลักดันให้เราทำทุกอย่าง เพื่อจะได้ชัยชนะ โดยไม่สนใจหรือเผื่อใจคิดว่าจะสูญเสียอะไรบ้าง ใช่หรือไม่ว่า บ่อยครั้งสิ่งที่เราสูญเสียไป ก็คือ สิ่งที่เราแสนรักแสนห่วง และหมายจะปกป้องนั่นเอง ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ บุคคล ความคิด รวมไปถึงชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออะไรก็ตาม เมื่อใดที่เราถือว่ามันเป็นของเรา เมื่อนั้นเราก็กลายเป็นของมันทันที ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบก็คือ เป็นเพราะความยึดมั่นนั่นเอง

เมื่อเรายึดมั่นอะไรก็ตาม ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอาสุขหรือทุกข์ของเราไปขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น ถ้ามันเป็นไปตามใจเรา เราก็สุข แต่ถ้ามันไม่เป็นไปตามใจเรา เราก็ต้องทุกข์ ดังนั้น เราจึงพยายามที่จะควบคุมบังคับมัน ให้เป็นไปตามใจเราให้ได้

เพลงพระรัตนตรัย

ความฝันอันสูงสุด

น้ำตาแสงใต้

Wednesday, March 9, 2011

เราควรจะตายอย่างทระนง เมื่อไม่อาจมีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิได้




One should die proudly when it is no longer possible to live proudly.

Worthless people live only to eat and drink; people of worth eat and drink only to live.
คนที่ไร้ค่ามีชีวิตเพียงเพื่อกินและดื่ม คนที่มีค่าดื่มและกินเพียงเพื่อจะมีชีวิตอยู่

Socrates

We make war that we may live in peace.
เราทำสงครามเพื่อให้เราได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติ

Aristotle


Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.
จงมีชีวิตเสมือนว่าเธอจะจากไปในวันพรุ่งนี้ และเรียนรู้ราวกับว่าเธอจะมีชีวิตอยู่

ชั่วนิจนิรันดร์
Mohandas Gandhi


Every one desires to live long, but no one would be old.
มนุษย์ทุกคนอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ไม่มีใครอยากแก่

Abraham Lincoln


I can live for two months on a good compliment.
ผมสามารถมีชีวิตอยู่นานถึง 2 เดือนด้วยคำชมที่ชวนปลื้ม

Mark Twain


I cannot live without books.
ผมไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากหนังสือ

Thomas Jefferson


You can't live a perfect day without doing something for someone who will never be able to repay you.
คุณไม่อาจจะมีวันอันสมบูรณ์แบบในชีวิตได้โดยปราศจากการทำอะไรบางอย่างเพื่อใครบางคนซึ่งไม่มีวันที่จะสามารถตอบแทนคุณได้

John Wooden


One should die proudly when it is no longer possible to live proudly.
เราควรจะตายอย่างทระนง เมื่อไม่อาจมีชีวิตอยู่อย่างภาคภูมิได้
Friedrich Nietzsche

Live the life you've dreamed.
จงใช้ชีวิตตามที่คุณฝันใฝ่

Henry David Thoreau



As soon as you trust yourself, you will know how to live.
ทันทีที่คุณเชื่อมั่นในตนเอง คุณก็จะรู้ว่าควรจะใช้ชีวิตอย่างไร
Johann Wolfgang von Goethe



Never idealize others. They will never live up to your expectations.
อย่าได้ทำให้ใครมีชีวิตในอุดมคติ พวกเขาไม่มีวันจะใช้ชีวิตตามที่คุณคาดหวัง

Leo Buscaglia


 ชะตาชีวิต

Live and Learn

 จิตร ภูมิศักดิ์
© 2010 BungaHimalaya บุหงาหิมาลัย All Rights Reserved.